เครื่องรัดกล่องกึ่งอัตโนมัติ
-
เครื่องรัดกล่อง CHALI รุ่น JN-740DH
CHAILI เครื่องรัดกล่องทรงทึบ เปิดด้านหน้า รุ่น JN-740DH
- นำเข้าจากประเทศไต้หวัน แท้ 100%
- มีประตูเปิดด้านหน้า เปลี่ยนสายรัดง่ายขึ้น
- รัดกล่องได้ขนาด 6 cm. ขึ้นไป
- ปรับความแน่นได้ 5-60 kgs.
- ใช้กับสายรัด ขนาด 9-15 mm.
- ได้รับมาตรฐาน CE, ISO9001
- รับประกัน 1 ปี
฿33,500.00สินค้าหมด -
เครื่องรัดกล่อง CHALI รุ่น JN-740L
CHAILI เครื่องรัดกล่องทรงเตี้ย รุ่น JN-740L
- นำเข้าจากประเทศไต้หวัน แท้ 100%
- รัดกล่องได้ขนาด 6 cm. ขึ้นไป
- เครื่องเตี้ย เหมาะกับกล่องที่มีความสูง
- ปรับความแน่นได้ 5-60 kgs.
- ใช้กับสายรัด ขนาด 9-15 mm.
- ได้รับมาตรฐาน CE, ISO9001
- รับประกัน 1 ปี
฿30,500.00 -
เครื่องรัดกล่อง CHALI รุ่น JN-600
CHAILI เครื่องรัดกล่องทรงโปร่ง รุ่น JN-600
- นำเข้าจากประเทศไต้หวัน แท้ 100%
- รัดกล่องได้ขนาด 6 cm. ขึ้นไป
- เครื่องโปร่ง แข็งแรง เปลี่ยนสายรัดง่าย
- ปรับความแน่นได้ 5-60 kgs.
- ใช้กับสายรัด ขนาด 9-15 mm.
- ได้รับมาตรฐาน CE, ISO9001
- รับประกัน 1 ปี
ราคาพิเศษ ฿29,500.00 ราคาปรกติ ฿31,500.00 -
เครื่องรัดกล่อง CHALI รุ่น JN-740
CHAILI เครื่องรัดกล่องทรงทึบ รุ่น JN-740
- นำเข้าจากประเทศไต้หวัน แท้ 100%
- รัดกล่องได้ขนาด 6 cm. ขึ้นไป
- เครื่องทึบ แข็งแรงรับน้ำหนักได้ดี
- ปรับความแน่นได้ 5-60 kgs.
- ใช้กับสายรัด ขนาด 9-15 mm.
- ได้รับมาตรฐาน CE, ISO9001
- รับประกัน 1 ปี
ราคาพิเศษ ฿28,500.00 ราคาปรกติ ฿30,500.00
เครื่องรัดกล่องกึ่งอัตโนมัติ
เครื่องรัดกล่องกึ่งอัตโนมัติคือเครื่องจักรที่ช่วยให้การรัด หรือการแพ็ครวมสินค้าสะดวกรวดเร็วมากยิ่งขึ้น ไม่ว่าจะเป็น รัดกล่อง รัดไม้ รัดท่อ รัดชิ้นงานต่างๆ เป็นต้น เครื่องรัดแบบกึ่งอัตโนมัตินั้นยังจำเป็นต้องมีแรงงานคนคอยป้อนสายรัดพลาสติกเพื่อให้เครื่องทำการรัด ซึ่งต่างจากเครื่องรัดแบบอัตโนมัติที่ไม่จำเป็นต้องใช้แรงงานคนเลย จะใช้เป็นระบบสายพาน และระบบเซนเซอร์แทน
หลักการทำงานของเครื่องรัดกล่องกึ่งอัตโนมัติคือ ผู้ใช้งานจะต้องป้อนสายรัดพลาสติกเข้าไปในเครื่อง หลังจากนั้นเครื่องจะรัดตามแรงดึงที่ตั้งไว้ และเชื่อมสายรัดให้ติดกันพร้อมกับตัดสายรัด หลังจากนั้นเครื่องจะฟีดสายรัดออกมาตามที่เราตั้งความยาวไว้เพื่อให้เหมาะกับขนาดของกล่อง เพื่อทำการรัดครั้งต่อไป
ระบบการทำงานของเครื่องรัดกึ่งอัตโนมัติ จะมีหลักๆอยู่ 2 ระบบ คือ ระบบ 1 มอเตอร์(ระบบเก่า) และระบบ 2 มอเตอร์ (ระบบใหม่) ข้อแตกต่างระหว่าง 2 ระบบนี้คือ ระบบ 1 มอเตอร์ จะส่งกำลังจากมอเตอร์ตัวเดียว ซึ่งต้องทำงานสแตนบายอยู่ตลอด (ตั้งเวลาให้หยุดได้) ผ่านสายพาน และพูเล่เพื่อขับเครื่องการทำงานของระบบต่างๆของเครื่อง ทำให้ต้องมีอุปกรณ์ และอะไหล่ค่อนข้างเยอะและซับซ้อน ส่วนระบบ 2 มอเตอร์ จะใช้มอเตอร์ 2 ตัว ทำงานแยกกันระหว่างควบคุมระบบการดึงสายรัด กับระบบตัด และมอเตอร์จะทำงานเฉพาะตอนที่มีการรัดเท่านั้น จึงทำให้ระบบ 2 มอเตอร์ ประหยัดไฟกว่า และด้วยอะไหล่ และอุปกรณ์น้อยกว่าทำให้การดูแลบำรุงรักษาทำงานได้กว่าระบบ 1 มอเตอร์